บริษัท วัฒนาสุข อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ประกาศ
เรื่อง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ตามบทบัญญัติ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
1. หลักการทั่วไป
1.1 ความ ทั่วไป
บริษัท วัฒนาสุข อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (“บริษัท”) ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ จึงได้พัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลด้วยระบบปฏิบัติงาน และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย มีความมั่นคงปลอดภัยต่อการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพ โดยกำหนดให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ของบริษัท หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนั้นยังจัดให้มีระบบตรวจสอบการเข้าถึงและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ตลอดจนจัดให้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบการจัดเก็บและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำให้ระบบมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องเชื่อถือได้ ป้องกันไม่ให้มีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล การแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลโดยผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง หรือการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่บริษัท ได้แจ้งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทราบไว้แต่แรก
เอกสารฉบับนี้ได้อธิบายถึงประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม เพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผย ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่ง บริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทรวบรวมไว้ สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย ตลอดจนข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
เอกสารฉบับนี้เป็นเอกสารระดับนโยบายของบริษัท ดังนั้นบรรดาประกาศ ระเบียบ ข้อกำหนดใดๆ ที่ขัดหรือไม่สอดคล้องกับเอกสารฉบับนี้ให้ใช้ข้อความในเอกสารฉบับนี้ทั้งหมดตั้งแต่วันที่เอกสารฉบับนี้มีผลบังคับตลอดไป
เอกสารฉบับนี้ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานบริการต่างๆ ของบริษัท ซึ่งอาจแก้ไข ปรับปรุง เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง นโยบายนี้โดยจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
1.2 คำจำกัดความ
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการสื่อสารกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ และไม่ให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับการตีความของคำบางคำในเอกสารฉบับนี้ บริษัทจึงได้ทำคำจำกัดความไว้ ดังนี้
“บริษัท” หมายถึง บริษัท วัฒนาสุข อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และให้หมายรวมถึงบุคคลคนเดียวหรือหลายคน ที่ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจกระทำการแทน บริษัท วัฒนาสุข อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ตามมาตรา 26 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่ง หรือ ในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“คู่ค้า” หมายถึง บุคคลหรือ นิติบุคคล ซึ่งรวมถึง บุคคลคนเดียว หรือ หลายคน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหรือ ได้รับมอบหมายให้กระทำการแทนนิติบุคคลเพื่อเข้าเป็นคู่สัญญาทางธุรกิจกับบริษัท ในฐานะ คู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ ผู้ขายสินค้า ผู้ให้บริการ ผู้เช่าอาคารสถานที่ และ ให้รวมถึงบริวาร หรือบุคคลที่คู่ค้าได้มอบหมายให้ติดต่อกับบริษัท เพื่อวัตถุประสงค์แห่งหรือเกี่ยวเนื่องกับการทำสัญญาทางธุรกิจนั้นๆ
1.3 ความเกี่ยวข้อง
บริษัท จะพิจารณาอย่างรอบคอบในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของผู้เกี่ยวข้อง ภายใต้วัตถุประสงค์แห่งการดำเนินธุรกิจโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุดังต่อไปนี้
1.3.1 เป็นไปตามบทบัญญัติที่กฎหมายกำหนด
1.3.2 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาทางธุรกิจกับ บริษัท
1.3.3 เป็นความจำเป็นนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด หรือ เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือ เป็นไปเพื่อ
สวัสดิการ หรือ ประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ยิ่งกว่าการเป็นคู่สัญญาทั่วไป
2. หลักการรวบรวมข้อมูลอย่างจำกัด
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม
นโยบายฉบับนี้จะใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจเก็บรวบรวม รวมถึงกรณีที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมไว้กับ บริษัทฯ ดังนี้
2.2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
2.2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
แม้ว่าบริษัท จะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะที่เป็นคู่สัญญาโดยตรงหรือ
เป็นผู้ที่ต้องกระทำการแทนนิติบุคคล หรือ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้มีอำนาจในการเข้าทำนิติกรรมเป็นคู่สัญญา ได้โดยไม่ขอความยินยอมตามการขอความยินยอมของกฎหมายก็ตาม บริษัทก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งการมีส่วนร่วมโดยจะจัดให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบโดยชัดแจ้งว่า คู่สัญญาจะต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะที่จำเป็นในการเข้าเป็นสัญญาในฐานะคู่สัญญาที่บริษัท และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องของนิติกรรมหรือสัญญานั้นๆ นอกเหนือจากที่ได้กำหนดไว้แล้ว บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีดังต่อไปนี้
2.2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
ส่วนบุคคล ดังนี้
2.3 การเก็บรวบรวม และการได้รับข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทยึดมั่นตามบทบัญญัติของกฎหมาย โดยจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลเท่านั้น เว้นแต่กรณีจำเป็นที่เจ้าของข้อมูลไม่อาจหรือไม่ได้เป็นผู้ที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้ บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น ทั้งนี้จะเป็นไปเฉพาะแต่ละกรณีที่ บริษัทได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้นโดยทั่วไปกรณีที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรงและจากแหล่งอื่นได้แก่
2.3.1 ผู้สมัครงาน หรือพนักงาน
(ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ หรือโรคประจำตัวของผู้สมัครงานที่บริษัทกำหนดให้ผู้ที่จะเข้า
ทำงานกับบริษัท ในฐานะลูกจ้าง ทำการตรวจสุขภาพของตนเองก่อนเข้าทำงาน โดยให้สถานพยาบาลที่
ทำการตรวจสุขภาพส่งผลให้แก่บริษัท
(ข) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับประวัติการถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย หรือประวัติอาชญากรรม โดย
บริษัทอาจกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าทำงานรายหนึ่งรายใดหรือตำแหน่งหนึ่งตำแหน่งใดทำการตรวจสอบ
ประวัติอาชญากรรม หรือยินยอมให้บริษัททำการตรวจประวัติอาชญากรรมแทนพนักงานและยินยอม
ให้บริษัทเก็บรวบรวมไว้ได้ตามระยะเวลาที่บริษัท กำหนด
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งก่อนทุกครั้ง โดยบริษัทจะแจ้งการให้ความยินยอม
แก่บุคคลภายนอกนั้นๆ ทราบล่วงหน้าก่อนการส่งข้อมูลดับกล่าวมายังบริษัท
2.3.2 คู่ค้า
ในกรณีที่คู่ค้าได้มอบหมายให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนต้องติดต่อกับบริษัท เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดเงื่อนไขของการเป็นคู่สัญญา ไม่ว่าจะในฐานะ ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้เช่าพื้นที่ ผู้ให้บริการ ผู้แทน ผู้จัดจำหน่าย ทั้งสินค้ารวมถึงศูนย์บริการในนามบริษัท ซึ่งกำหนดมาตรฐานความสามารถของบุคลากรที่เกี่ยวข้องนั้นๆ ให้สามารถให้บริการหรือตอบสนองต่อการใช้สินค้าหรือบริการ บริษัทจะมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลเช่นว่านั้นเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้เอกสารฉบับนี้ หรือตามเงื่อนไขของสัญญานั้นๆ
3. หลักการระบุวัตถุประสงค์
บริษัทกำหนดวัตถุประสงค์อันจำเป็นของการเก็บรวบรวมใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันกับการให้บริการ สิทธิประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล แยกตามประเภทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ดังนี้
3.1 ผู้ถือหุ้น กรรมการบริหาร กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการในนามบริษัท
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหุ้น กรรมการบริหาร กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการในนามบริษัทเพื่อ วัตถุประสงค์ ในการบริหารงานและการดำเนินธุรกิจของบริษัท เท่านั้น เช่น
- ดำเนินการด้านธุรกรรมการเงินของทางบริษัทฯ กับ สถาบันการเงิน
- ดำเนินการด้านกิจกรรมขององค์กร ในฐานะผู้ถือหุ้น
- ดำเนินการ ในสัญญาซื้อ-ขาย จำนอง ขายฝาก เช่า ให้เช่า ในทรัพย์สินของบริษัทฯ
- ดำเนินการ ในสัญญาซื้อ-ขาย คู่สัญญาจัดซื้อ-จัดจ้าง สินค้า และ บริการ
- ดำเนินการ ในการทำนิติกรรมของบริษัทฯ ในฐานะ นิติบุคคล บริษัท วัฒนาสุข อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
3.2 พนักงาน และ บุคคลในครอบครัว
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน และบุคคลในครอบครัวของพนักงาน บริษัท จะพิจารณาเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์กรณี
- ดำเนินการตามสัญญาจ้างงาน
- ดำเนินตามสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับ
- ดำเนินการตามข้อบังคับการทำงานของบริษัท
- ดำเนินการตามนโยบายต่างๆ ของบริษัท
- บริหารจัดการด้านเงินเดือน ค่าตอบแทน ค่าสวัสดิการ โบนัส การหักภาษี ประกันสังคม การอายัดเงินตาม
คำสั่งของหน่วยงานราชการ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- การบริหารจัดการบุคลากร เช่น การบันทึกเวลาเข้า-ออกการทำงาน การใช้สิทธิวันลาตามที่กฎหมายกำหนด
- บริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัย เช่น การตรวจร่างกายประจำปี การฉีดวัคซีน การทำประกัน
สุขภาพ เป็นต้น
- ปฏิบัติตามกฎหมายและคำสั่งของหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานประกันสังคม สวัสดิการคุ้มครอง
แรงงาน กรมสรรพากร ศาล รวมถึงหน่วยงานราชการอื่นๆ
- รักษาความปลอดภัยภายในองค์กรและอาคาร เช่น การบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) การสแกน
ใบหน้า หรือ ฝ่ามือ เพื่อการบันทึกเวลาการปฏิบัติงาน เป็นต้น
- เพื่อการวางแผนทางธุรกิจ รวมถึงการบริหารความเสี่ยง การตรวจสอบ การจัดการภายในองค์กร
- เพื่อการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ รวมถึงการให้ข้อมูลต่างๆ ภายในองค์กร
- เพื่อก่อตั้งสิทธิ เรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายและการยกข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตาม
กฎหมาย
บริษัท จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า เพื่อวัตถุประสงค์ ดังนี้
4. หลักการใช้ข้อมูลอย่างจำกัด และ การจัดการข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวมก่อนที่กฎหมายใช้บังคับ
บริษัท จะพิจารณาอย่างรอบคอบในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างจำกัด ภายใต้ขอบเขตของวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อก่อนหรือขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ
นอกเหนือจากการคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบกับบทบัญญัติ กฎระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนดของทางราชการที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะพิจารณาใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์หรือตอบสนองผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะลูกค้า ผู้รับบริการ ตอบขอบเขตวัตถุประสงค์อย่างจำกัด เพื่อการดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ตาม บรรดาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ บริษัท ได้ทำการรวบรวมใช้ รวมถึงการเปิดเผยมาไว้
ก่อนที่กฎหมายคุ้มครองส่วนบุคคลใช้บังคับ บริษัท จะทำการเก็บรวบรวม และใช้ตามวัตถุประสงค์เดิมที่ บริษัท เคยแจ้งและขอความยินยอมตามวิถีทางธุรกิจที่ บริษัท ได้ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนที่กฎหมายคุ้มครอบข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับต่อไปตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ในเอกสารฉบับนี้ เว้นแต่เป็นกรณีที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ ในเรื่องระยะเวลา แต่หาก บริษัท จะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่เคยแจ้งวัตถุประสงค์ไปก่อนหน้านี้แล้ว บริษัท จะยึดมั่นในการปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคเป็นสำคัญ
5. หลักการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
บริษัท จะรักษาความมั่นคง ปลอดภัย ของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามหลักการ
ทั้งนี้ เพื่อประกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย อันผิดวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ บริษัท จัดให้มี
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ มาตรการทั้งด้านเทคนิค มาตรการป้องกันทางกายภาพ ตลอดจน การจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูล
6. หลักการเปิดเผย
บริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลต่างๆ ตามที่ระบุด้านล่างนี้
6.1 บุคคลหรือนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบกิจการเพื่อประโยชน์ในการรวบรวมประวัติการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งบริษัทจะ
เปิดเผยเฉพาะเจ้าของผลิตภัณฑ์ หรือ เฉพาะแต่ข้อมูลส่วนบุคคลอันจำเป็นต่อการดำเนินการเท่านั้น
6.2 หน่วยงานราชการตามที่บริษัทต้องปฏิบัติตามประกาศ หลักเกณฑ์ บทบัญญัติของกฎหมาย ได้แก่ กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการผู้คุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร กรมการจัดหางาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมพัฒนาผีมือแรงงาน กรมที่ดิน กรมการปกครอง
6.3 พันธมิตรของบริษัท บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลอื่นที่มีข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับบริษัท เช่น สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย
สถานพยาบาล บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการกองทุน เพื่อประโยชน์และสวัสดิการแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
6.4 ผู้ที่ให้บริการด้านวิชาชีพ ได้แก่ ที่ปรึกษาด้านการเงิน ที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาระบบคุณภาพ ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายใน
6.5 ผู้ที่ให้บริการด้านโครงสร้างพ้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดเก็บข้อมูล ผู้ให้บริการคลาวด์
6.6 ผู้ที่ให้บริการด้านการตลาด การจัดทำข้อมูลเชิงสถิติ การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ และการติดต่อสื่อสาร
6.7 บุคคลอื่นใดที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่มีกฎหมาย กฎเกณฑ์ ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คำสั่งของหน่วยงานราชการ หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแล หรือ คำสั่งของหน่วยงานตุลาการ ให้บริษัท เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
6.8 ผู้รับโอนสิทธิ และ/หรือ หน้าที่จากบริษัท ในกรณีที่บริษัทประสงค์จะโอนสิทธิ และหน้าที่ของบริษัท รวมถึงการโอนกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด การควบรวมกิจการ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท บริษัทจำเป็นจะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้รับโอน (รวมถึงผู้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้รับโอน) โดยสิทธิและหน้าที่ของผู้รับโอนในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะเป็นไปตามนโยบายฯ ฉบับนี้ด้วย
7. หลักการมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูล
นอกเหนือจากสิทธิพื้นฐานของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ที่บริษัทได้ทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล อันได้แก่ สิทธิในการรับแจ้งข้อมูล สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล สิทธิในการแก้ไขข้อมูล สิทธิในการขอลบข้อมูล สิทธิในการจำกัดการให้ข้อมูล สิทธิในการได้รับแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิด้านต่างๆ สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล สิทธิที่จะปฏิเสธการให้ใช้ข้อมูล สิทธิที่ไม่อนุญาตให้ใช้ระบบการตัดสินใจดำเนินการอัตโนมัติ แล้วเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยังมีสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ ได้แก่
7.1 การให้ความยินยอม เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่ บริษัท ร้องขอ และ ยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวหรือไม่ก็ได้ เพียงแต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องรับทราบว่าการให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ครบถ้วนตามที่บริษัทร้องขอ หรือการไม่ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว อาจทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกจำกัดสิทธิการใช้บริการบางอย่างของทางบริษัท หรือ ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถให้บริการแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้เลย หากข้อมูลดังกล่าวจำเป็นต่อบริษัทในการให้บริการแก่ท่าน
7.2 การเข้าถึงและขอรับสำเนา ข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้น หรือขอให้บริษัทส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่เจ้าของข้อมูลเองหรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น (หากข้อมูลดังกล่าวอยู่ในรูปแบบที่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้) รวมทั้ง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยังสามารถขอให้บริษัท เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหากข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เจ้าของงข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอมในการจัดเก็บ
7.3 การคัดค้าน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บ ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หากข้อมูลนั้นบริษัทจัดเก็บได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือ ข้อมูลนั้นเก็บ ใช้ หรือ เปิดเผย เพื่อการตลาดแบบตรง หรือเพื่อการศึกษาวิจัย
7.4 การลบ ทำลาย หรือ ระงับใช้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องขอให้บริษัท ลบ ทำลาย หรือ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรักษาไว้ หรือให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้ระบุตัวเจ้าของข้อมูลได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพิกถอน หรือคัดค้านการเก็บ ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน หรือ เมื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บ ใช้ หรือ เปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ หรือเมื่อบริษัทไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
7.5 การแก้ไข เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิเรียกร้องขอให้บริษัท ดำเนินการแก้ไขให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดเก็บไว้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.6 การถอนความยินยอม เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ แต่การถอนความยินยอมของท่านจะไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมดังกล่าวอาจทำให้บริษัทไม่สามารถให้บริการแก่ท่านต่อไปได้
ในการใช้สิทธิของท่าน ท่านรับทราบว่าสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ข้างต้น เป็นสิทธิที่มีข้อจำกัดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และบริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิของท่านหากบริษัทมีเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธการใช้สิทธิ ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ ย่อมจำกัดไว้แต่เพียงแต่การให้บริการพื้นฐานที่ไม่ทำให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเกิดค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น หากการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เกี่ยวข้องได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินการตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องรับผิดชดใช้คืนเงินค่าดำเนินการต่างๆ ที่มีการขอใช้สิทธิเช่นว่านั้น
8. หลักการความรับผิดชอบ
8.1 ระยะเวลาที่ บริษัท จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากจะมีการระบุไว้เป็นการเฉพาะตามที่กฎหมายกำหนดไว้ บริษัท จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจเป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดังกล่าวสิ้นสุดนิติสัมพันธ์กับ บริษัท เว้นแต่กรณีเป็นความจำเป็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้หรือการโต้แย้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การบังคับคดี การวางทรัพย์ หรือ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ
8.2 ระบบการตรวจสอบถึงการ ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ที่พ้นระยะการจัดเก็บ
บริษัท ได้จัดให้มีระบบตรวจสอบเพื่อลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาจัดเก็บหรือไม่เกี่ยวข้อง หรือ เกินความจำเป็น ตามวัตถุประสงค์ หรือ ตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ หรือ ขอถอนความยินยอม เว้นแต่เป็นกรณีที่ บริษัท ต้องทำการเก็บรักษาเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือ เป็นไปตามข้อยกเว้นของกฎหมายที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ รวมถึงการใช้เพื่อการ ก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเป็นการปฏิบัติตามการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
9. การเปลี่ยนแปลงประกาศ
บริษัท วัฒนาสุข อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อาจมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ในนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อยู่อย่างสม่ำเสมอ ท่านสามารถตรวจสอบ “นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” “นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เกี่ยวกับการใช้กล้องวงจรปิด” “นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เกี่ยวกับการใช้คุกกี้” VERSION ปัจจุบัน ได้จาก www.wattanasuk.com
หากท่านประสงค์จะติดต่อบริษัท เพื่อใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือหากท่านมีข้อสงสัยอื่นใดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัท ได้ตามรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท วัฒนาสุข อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 606 ถนนหลวง แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ 0-2225-0088 โทรสาร 0-2225-0066 Email address dpo@wattanasuk.com
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นางสาวสุวรรณา สุวัฒนประดิษฐ์
โทรศัพท์ 0-6572-40188 ตลอด 24 ชั่วโมง
หมวดหมู่สินค้าทั่วไป
สายยางอุตสาหกรรม
สายยางเกษตรกรรม
อุปกรณ์สวน
ลูกล้อเข็นอุตสาหกรรม
เครื่องอัดฉีดน้ำเเรงดันสูง
ปั้มน้ำไฟฟ้า
เครื่องยนต์เกษตร
เครื่องมือช่าง
เข็มขัดรัดท่อ
อื่นๆ
หมวดหมู่งานวิศวะ
งานอุปกรณ์ท่าเทียบเรือ
งานก่อสร้างชลประทาน
งานกลุ่มน้ำมัน/ปิโตรเคมี
งานถนน/สะพาน
ที่อยู่สำนักงานใหญ่
บริษัท วัฒนาสุข
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
เลขที่ 606 ถนนหลวง
แขวงป้อมปราบ
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. 10100
Tel. 02-225-0088,
(อัตโนมัติ)
Fax. 02-225-0066
ที่อยู่สาขา คลังสินค้า
(คลังมีนบุรี)
บริษัท วัฒนาสุข
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
เลขที่ 26 ถนนเสรีไทย
แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี
กทม. 10510
Tel. 02-5180500,
(อัตโนมัติ)
Fax. 02-5180520
เวลาทำการ |
Mon - Sat 8 AM - 5 PM
Copyright ® 2024 www.wattanasucom